การวัดด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain )
การเรียนรู้ตามทฤษฎีของบลูม
Bloom’s Taxonomy กล่าวถึงการจำแนกการเรียนรู้ตามทฤษฎีของบลูม
ซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย
และด้านทักษะพิสัย โดยในแต่ละด้านจะมีการจำแนกระดับความสามารถจากต่ำสุดไปถึงสูงสุด
เช่น ด้านพุทธิพิสัย เริ่มจากความรู้ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์
การสังเคราะห์ การประเมิน
นอกจากนี้ยังนำเสนอระดับความสามารถที่มีการปรับปรุงใหม่ตามแนวคิดของ Anderson
and Krathwohl (2001) เป็น การจำ(Remembering) การเข้าใจ(Understanding) การประยุกต์ใช้(Applying)
การวิเคราะห์ (Analysing) การประเมินผล (Evaluating)
และการสร้างสรรค์ (Creating) ด้านจิตพิสัย
จำแนกเป็น การรับรู้, การตอบสนอง, การสร้างค่านิยม,
การจัดระบบ และการสร้างคุณลักษณะจากค่านิยม ด้านทักษะพิสัย
จำแนกเป็น ทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย, ทักษะการเคลื่อนไหวอวัยวะสองส่วนหรือมากกว่าพร้อมๆกัน,
ทักษะการสื่อสารโดยใช้ท่าทาง และทักษะการแสดงพฤติกรรมทางการพูด
ทฤษฎีการเรียนรู้คืออะไร
การเรียนรู้ (Learning)
คือ
กระบวนการของประสบการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างค่อนข้างถาวร
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ไม่ได้มาจากภาวะชั่วคราว วุฒิภาวะ หรือสัญชาตญาณ(Klein
1991:2)
การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร
โดยเป็นผลจากการฝึกฝนเมื่อได้รับการเสริมแรง
มิใช่เป็นผลจากการตอบสนองตามธรรมชาติที่เรียกว่า ปฏิกิริยาสะท้อน (Kimble and Garmezy) การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
อันเป็นผลจากการฝึกฝนและประสบการณ์ แต่มิใช่ผลจากการตอบสนองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
(Hilgard and Bower) การเรียนรู้เป็นการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลง
อันเป็นผลเนื่องมาจากประสบการณ์ที่แต่ละคนได้ประสบมา (Cronbach) การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่บุคคลได้พยายามปรับพฤติกรรมของตน
เพื่อเข้ากับสภาพแวดล้อมตามสถานการณ์ต่าง ๆ
จนสามารถบรรลุถึงเป้าหมายตามที่แต่ละบุคคลได้ตั้งไว้ (Pressey, Robinson
and Horrock, 1959)
ทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูม
เป็นอย่างไร
Bloom ได้แบ่งการเรียนรู้เป็น 6
ระดับ
-
ความรู้ที่เกิดจากความจำ
(knowledge) ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
-
ความเข้าใจ
(Comprehend)
-
การนำไปใช้
(Application)
-
การวิเคราะห์
( Analysis) สามารถแก้ปัญหา
ตรวจสอบได้
-
การสังเคราะห์
( Synthesis) สามารถนำส่วนต่างๆ
มาประกอบเป็นรูปแบบใหม่ได้ให้แตกต่างจากรูปเดิม เน้นโครงสร้างใหม่
-
การประเมินค่า
( Evaluation) วัดได้
และตัดสินได้ว่าอะไรถูกหรือผิด
ประกอบการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและเกณฑ์ที่แน่ชัด
พุทธิพิสัย (Cognitive
Domain) เป็นการกระทำ
ที่เกี่ยวกับ กระบวนการทางสมอง เช่น สติปัญญา (Intellectual) การเรียนรู้ (Learning) และ การแก้ปัญหา (Problem
solving) ได้แบ่งระดับพุทธิพิสัยไว้ 6 ระดับ
โดยเรียงจากระดับต่ำสุด ถึง ระดับสูงสุด ดังนี้
1. ความรู้ - ความจำ (Knowledge)
1. ความรู้ - ความจำ (Knowledge)
1.1
ความรู้ความจำในเนื้อเรื่อง
(Knowledge of specifics)
1.1.1
ความรู้เกี่ยวกับศัพท์และนิยาม
(Knowledge of terminology)
เกี่ยวกับความหมายของศัพท์ นิยามหรือคำจำกัดความ สัญลักษณ์ หรือภาพอักษร และ เครื่องหมายต่าง ๆ
เกี่ยวกับความหมายของศัพท์ นิยามหรือคำจำกัดความ สัญลักษณ์ หรือภาพอักษร และ เครื่องหมายต่าง ๆ
1.1.2
ความรู้เกี่ยวกับกฎและความจริง
(Knowledge of specific facts)
เกี่ยวกับ สูตร กฎ ทฤษฎี หรือสมมุติฐาน ขนาด จำนวน สถานที่ เวลา คุณสมบัติ วัตถุประสงค์ สาเหตุและผลที่เกิด ประโยชน์และโทษ และสิทธิหน้าที่
เกี่ยวกับ สูตร กฎ ทฤษฎี หรือสมมุติฐาน ขนาด จำนวน สถานที่ เวลา คุณสมบัติ วัตถุประสงค์ สาเหตุและผลที่เกิด ประโยชน์และโทษ และสิทธิหน้าที่
1.2
ความรู้ในวิธีดำเนินการ
(Knowledge of ways and means of
dealing with specifics)
1.2.1
ความรู้เกี่ยวกับระเบียบแบบแผน
(Knowledge of conventions)
เกี่ยวกับแบบแผน ธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันต่อ ๆ มาในสังคม
เกี่ยวกับแบบแผน ธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันต่อ ๆ มาในสังคม
2.
ความรู้เกี่ยวกับลำดับขั้นและแนวโน้ม (Knowledge
of trends and sequences)
แนวโน้มที่เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนั้นเสมอ ๆ และขั้นตอนของการดำเนินการในเรื่องหรือสิ่งนั้น ๆ ที่ต่อเนื่องกัน
แนวโน้มที่เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนั้นเสมอ ๆ และขั้นตอนของการดำเนินการในเรื่องหรือสิ่งนั้น ๆ ที่ต่อเนื่องกัน
3. ความรู้เกี่ยวกับการจัดประเภท
(Knowledge of classifications and categories)
เกี่ยวกับชนิด ประเภทของสิ่งของและเรื่องราวต่าง ๆ ว่าอยู่ในหมวดหมู่ประเภทใด มีสิ่งใดที่เหมือนหรือแตกต่างจากพวก โดยยึดเกณฑ์หรือวิธีการใดเป็นหลัก
เกี่ยวกับชนิด ประเภทของสิ่งของและเรื่องราวต่าง ๆ ว่าอยู่ในหมวดหมู่ประเภทใด มีสิ่งใดที่เหมือนหรือแตกต่างจากพวก โดยยึดเกณฑ์หรือวิธีการใดเป็นหลัก
4. ความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์
(Knowledge of criteria) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินหรือตรวจสอบสรรพสิ่งต่าง
ๆ ว่า ดี - เลว ถูก - ผิด ควร-ไม่ควร
5. ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ
(Knowledge of methodology) วิธีการที่ใช้สำหรับการปฏิบัติงานนั้น
ๆ ตามหลักวิชาการทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ความรู้ความจำรวบยอด (Knowledge
of universals and abstractions in the field)
-ความรู้เกี่ยวกับหลักวิชาและขยายหลักวิชา (Knowledge of principles and generalization)
หลักการหรือความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ซึ่งเคยปรากฏจนสามารถนำมากล่าวสรุปรวบรวมเป็นความจริงทั่วไป
หลักการหรือความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ซึ่งเคยปรากฏจนสามารถนำมากล่าวสรุปรวบรวมเป็นความจริงทั่วไป
-ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีและโครงสร้าง (Knowledge of theories and structures)
เกี่ยวกับคติและหลักการ จากของหลายสิ่ง หลายเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เป็นพวกเดียวกัน เพื่อจะค้นหาทฤษฎี และโครงสร้างที่เป็นตัวร่วมของสิ่งเหล่านั้น
เกี่ยวกับคติและหลักการ จากของหลายสิ่ง หลายเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เป็นพวกเดียวกัน เพื่อจะค้นหาทฤษฎี และโครงสร้างที่เป็นตัวร่วมของสิ่งเหล่านั้น
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดพฤติกรรมระดับความรู้-ความจำ
เช่น
-อาหารที่บริโภค
จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานโดยกระบวนการอะไร
-กรุงเทพมหานคร
มีชื่อเต็มว่าอย่างไร
-ประเทศไทยมีกี่จังหวัด
2. ความเข้าใจ (Comprehension)
การแปลความ
(Translation)
เป็นความสามารถในการแปลจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง ได้แก่
การแปลความหมายของคำและข้อความ การแปลความหมายของภาพและสัญลักษณ์ การแปลบทประพันธ์
สุภาษิตและคำพังเพย
การตีความ
(Interpretation)
เป็นการสรุปความจากสิ่งต่าง
ๆ มากกว่า 1 สิ่ง แล้วนำผลมาสรุป
เป็นผลลัพธ์ใหม่อีกอย่างหนึ่งที่มีลักษณะแปลกไปจากของเดิม
การขยายความ
(Extrapolation)
การขยายความเป็นการแปลความให้ไกลไปจากข้อมูลเดิม
โดยมีข้อมูลหรือแนวโน้มเพียงพอ โดยการขยายความมี 4
แบบ คือ ขยายความแบบจินตนาการ แบบพยากรณ์แบบสมมุติ และแบบอนุมาน
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดความเข้าใจ เช่น
การเจ็บหน้าอกน้ำหนักตัวลด
ไอแห้งๆ มีไข้เวลาบ่ายหรือเหงื่อออกเวลากลางคืนเป็นอาการของโรคใด
ก.
ปอดบวม ข. หวัดใหญ่ ค. วัณโรค
ง. หลอดลมอักเสบ
3.
การนำไปใช้ (Application)
การนำไปใช้ เป็นการนำเอาความรู้ความจำ และ
ความเข้าใจในเรื่องราวใด ๆที่ตัวเองมีอยู่ ไปแก้ปัญหาที่แปลกใหม่ ปัญหาใหม่นั้น
เป็นปัญหาที่ไม่สามารถนำสูตร กฎแก้ปัญหาได้โดยทันที
จะต้องใช้ยุทธวิธีหลายอย่างในการแก้ปัญหานั้น
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดพฤติกรรมระดับการนำไปใช้
-ถ้าไม่มีผงซักฟอก
เราสามารถใช้อะไรแทนได้
-จงบอกวิธีการเปิด
ปิดคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง
4. การวิเคราะห์ (Analysis)
การวิเคราะห์ความสำคัญ (Analysis
of element)
เป็นการค้นหาคุณลักษณะเด่นของเรื่องราวในแง่มุมต่าง ๆ
ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ เช่น ความเด่นของข้อความ ความสำคัญของเรื่อง
ความนัยของคำพูดหรือกระทำต่าง ๆ วิเคราะห์ชนิด วิเคราะห์สิ่งสำคัญ
และวิเคราะห์เลศนัย
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์
( Analysis of relationships)
เป็นการค้นหาความเกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะสำคัญใด ๆ
ของเรื่องราวและสิ่งต่าง ๆ อย่างสมเหตุสมผล โดยที่สิ่งทั้งสองสิ่ง
การวิเคราะห์หลักการ
(Analysis of organizational
principles)
เป็นการค้นหาโครงสร้าง และ ระบบของวัตถุสิ่งของเรื่องราว
และการกระทำต่าง ๆรวมกันอยู่ในสภาพนั้นได้เนื่องด้วยอะไร ยึดอะไรเป็นหลักเกณฑ์
หรือมีสิ่งใดเป็นตัวเชื่อมโยง
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดพฤติกรรมระดับการวิเคราะห์
-ปัญหาใดเป็นปัญหาสำคัญในการทำนาของชาวนาไทย
-รถยนต์วิ่งได้โดยอาศัยหลักการใด
5. การสังเคราะห์
(Synthesis)
การสังเคราะห์ข้อความ
(Production of unique communication)
เป็นการนำเอาความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ มาผสมกัน
เพื่อให้เกิดข้อความ หรือผลิตผล หรือการกระทำใหม่
ที่จะสามารถใช้สื่อสารความคิดและอารมณ์ ระหว่างบุคคลกับผู้อื่นได้ เช่น
การพูดชี้แจง การแต่งคำประพันธ์ การวาดภาพ และการแสดงต่าง ๆ
การสังเคราะห์แผนงาน
(Production of plan or proposed set
of operation)
เป็นการกำหนดแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า
เพื่อให้การดำเนินการนั้น สำเร็จลุล่วงตรงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เช่น
ท่านจะวางแผนการทำงานอย่างไรจึงจะได้เป็น
การสังเคราะห์ความสัมพันธ์
(Derivation of set of abstract
relation)
เป็นการนำเอาความสำคัญและหลักการต่าง ๆ
มาผสมให้เป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ที่มีความสัมพันธ์แปลกไปจากเดิม
เช่น จงอธิบายปัญหาที่แท้จริงของการคอรัปชั่นในเมืองไทย
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดพฤติกรรมระดับการสังเคราะห์
-จงเขียนเรียงความเรื่อง “ครูในดวงใจ”
-นางงามทุกคนเป็นคนสวย
คนสวยส่วนมากผิวขาว คนผิวขาว บางคนกลัวแดด
สรุปได้ว่าอย่างไร
6. การประเมินค่า (Evaluation)
การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายใน
(Judgement in term of internal
evidence)
เป็นการประเมินโดยใช้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ
เท่าที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราวนั้น มาเป็นหลักในการตัดสิน เช่น จากเรื่องสามก๊ก
ขงเบ้งเป็นคนอย่างไร
การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก
(Judgement in term of external
criteria)
เป็นการตัดสินสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เกณฑ์อื่น ๆ
ที่อยู่นอกเรื่องราวนั้น
แต่มีความสัมพันธ์กับเรื่องนั้นเกณฑ์ภายนอกอาจจะเป็นเกณฑ์ทางสังคม เช่น คำว่า
"สองหัวดีกว่าหัวเดียว" ท่านเห็นด้วยหรือไม่
ตัวอย่าง ข้อคำถามวัดพฤติกรรมระดับการประเมินค่า
-ถ้ายึดหลักประชาธิปไตย
การที่นางรจนาเลือกเจ้าเงาะ ถือเป็นความผิดหรือไม่
-ถ้านักเรียนทุจริตในการสอบขณะที่ท่านคุมสอบอยู่ท่านจะทำอย่างไร